รู้เท่าทันก่อนขอสินเชื่อบ้าน

สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะขอสินเชื่อ นั่นก็คือ! ความสามารถในการชำระคืนของเราเพียงพอไหม  ถ้าภาระเดิมก็มีอยู่แล้วจะทำยังไงวันนี้มีคำตอบครับ

           หากมีภาระไม่เยอะใช้เวลาอีกไม่นานก็ปิดยอดได้แล้วแนะนำให้รออีกนิดนึงครับก็จะถึงฝั่งฝันแล้ว แต่ถ้าหากว่าจำเป็นหรือถึงเวลาที่จะต้องซื้อบ้านแล้วจริงๆก็ยังมีอีกวิธีการนึงที่จะทำให้ภาระของเรายังเท่าเดิมหรือเบาลงได้นิดหน่อย ในกลุ่มผู้ให้สินเชื่อเรียกว่า "การรวบหนี้"

 

การรวบหนี้ (Debt Consolidation) คือ การนำหนี้หลาย ๆ ที่ มารวบไว้เป็นก้อนเดียวให้คุณเป็นหนี้อยู่ที่เดียวโดยนำทรัพย์สิน เช่น บ้าน รถ มาใช้ค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่อกับธนาคาร แล้วนำเงินที่ได้ไปปิดหนี้ต่าง ๆ ซึ่งระหว่างนี้รถ หรือบ้านที่นำมาค้ำประกันก็ยังอยู่ ยังใช้ได้ตามปกติ สามารถเป็นอีกโซลูชัน หรือตัวช่วยให้คุณมีการเงินที่ดีขึ้นได้   

 

เช่น 

 

  • บัตรเครดิต ก. ยอดหนี้รวม 50,000 บาท ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก 15% ต่อปี และจ่ายขั้นต่ำเดือนละ 5,000 บาท
  • บัตรกดเงินสด ข. ยอดหนี้รวม 40,000 บาท ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก 20% ต่อปี และจ่ายขั้นต่ำเดือนละ 4,000 บาท
  • สินเชื่อรถยนต์ ค. ยอดหนี้รวม 200,000 บาท ดอกเบี้ยคงที่ 3.75% ต่อปี และจ่ายขั้นต่ำเดือนละ 15,000 บาท

                                        

 

          หากคุณกำลังจะซื้อบ้านหลังใหม่คุณสามารถนำหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อรถยนต์ที่กำลังผ่อนอยู่มารวบหนี้ไว้ที่เดียวกับสินเชื่อบ้าน อีกทั้งจุดเด่นของสินเชื่อบ้านนั่นคือ ระยะเวลาการผ่อนชำระ ทำให้ยอดชำระต่อเดือนยังคงอยู่ในระดับที่ชำระได้ ยอดไม่บานปลาย คุณสมบัติสำคัญของลูกค้าที่ธนาคารให้ความสำคัญไม่ใช่ การกู้จำนวนมากๆ แต่คือการกู้แล้วมีความสามารถในการชำระคืน ไม่กู้ไปแล้วขาดชำระทำให้เกิดหนี้เสียในระบบ

          แนวคิดของการรวมหนี้ คือ การนำสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงไปรวมไว้ในสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบื้ยต่ำหรือสามารถผ่อนชำระได้นาน เช่น สินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น 

 

เช่น การขอสินเชื่อบ้านและขอวงเงินเพื่อปิดหนี้อื่นให้รวมอยู่ในสินเชื่อบ้านรายการเดียว โดยอัตตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเท่ากับ 5.3% การผ่อนชำระต่อเดือนจะอยู่ที่ 19,000 บาท

 

 

จากตัวอย่างจะเห็นว่าการรวบหนี้ ทำให้ยอดสินเชื่อเข้าไปรวมอยู่ในสินเชื่อบ้าน ช่วยให้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนลดลง

 

 

 

  • สิ่งที่สำคัญคือการบริหารจัดการการเงินที่ดี คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุด และมีวินัยในการจ่ายชำระ การรวมหนี้เป็นเพียงแนวทางหนึ่งที่ช่วยเสริมสภาพคล่องหรือลดค่าใช้จ่ายต่อเดือนแต่ก็แลกมาด้วยระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น

 

  • อัตราดอกเบี้ยของผู้ให้สินเชื่อแปรผันตรงกับความเสี่ยงของผู้ให้สินเชื่อ ถ้าผู้ให้สินเชื่อมีความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อน้อยก็จะให้สินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำได้

 

  • ทำไมถึงยกเคสรวมสินเชื่อไว้กับสินเชื่อบ้านมานำเสนอ เพราะว่า บ้านเป็นอสังหารมทรัพย์มูลค่าที่เปลี่ยนไปตามเวลามีแนวโน้มคงที่หรือเพิ่มขึ้น ต่างกับ สังหาริมทรัพย์ ที่มูลค่าที่เปลี่ยนไปตามเวลาอาจจะลดลงได้มากกว่า จึงเป็นสาเหตุได้ว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อของสังหาริมทรัพย์จะมีอัตราที่สูงกว่านั่นเอง 

 

          รู้อย่างนี้แล้ว ! หวังว่าทุกๆท่านพอจะได้ไอเดียการรวบหนี้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสินเชื่อที่มีอยู่กันแล้วนะครับ